วันพุธที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

อาหารสุขภาพ




เพื่อนหลายคนที่กินเจแอบบ่นให้ฟังว่าหาทานอาหารเจยาก ได้ยินอย่างนี้แล้วนึกถึงร้าน Spa Foods ขึ้นมาทันทีเลย Spa Foods อยู่บริเวณสวนการ์เด้น ข้างอาคารโกลเด้นเพลส ที่นี่เขามีหลากหลายเมนูเจให้คุณได้เลือกทานตลอดทั้งปี ด้วยผลิตภัณฑ์จากโปรตีนถั่วเหลือง ซึ่งให้คุณค่าโปรตีนเต็มๆปราศจากไขมัน นำมาปรุงแต่งให้มีรสชาติ และเนื้อสัมผัสที่ใกล้เคียงกับเนื้อสัตว์ที่เราทานกันอยู่ประจำ Spa Foods ตกแต่งได้น่ารักเก๋ไก๋สไตล์ Trendy กับโต๊ะเก้าอี้สีขาวสะอาดตา สลับกับผนังสีเขียวแกะลาย บวกกับแจกันดอกไม้สีสดใสที่ประดับไว้ทุกโต๊ะ พอแดดร่มลมตกหน่อยออกมานั่งตากอากาศดีๆ ด้านนอกก็ได้ เริ่มแรกสั่งเรียกน้ำย่อยด้วย คอหมูย่าง (59 บาท) ชิ้นพอดีคำ เสิร์ฟมาพร้อมน้ำจิ้มแจ่วรสแซ่บ และ ปอเปี๊ยะสด (59 บาท) แผ่นแป้งนุ่มสอดไส้ผัก เต้าหู้ และเนื้อโปรตีนถั่วเหลือง ราดด้วยน้ำซอสหวาน โรยงาขาวอีกที ส่วนเมนูสั่งทานกับข้าวแนะนำ ปลาสาหร่ายราดพริก (69 บาท) เนื้อปลาทอดกรอบ ดับดีกรีความเผ็ดได้ดีทีเดียว อีกเมนูเป็น แกงเผ็ดเป็ดปักกิ่ง (69 บาท) เนื้อเป็ดย่างเหนียวนุ่มในน้ำพริกแกงเข้มข้น ทานกับข้าวสวยร้อนๆ หรือจะลองชิมประเภทจานเดียวก็มี ข้าวซอย (69บาท) พร้อมเครื่องเคียงหมี่กรอบ มาต่อกันด้วยของหวานเพื่อสุขภาพกันบ้าง บัวลอยน้ำขิง (29 บาท)
ขอบคุณที่มาจากhttp://www.yourhealthyguide.com

สถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัดตรัง


อนุสาวรีย์พระรัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี ผู้ที่เดินทางไปถึงจังหวัดตรังทุกคนมักแวะไปทำความเคารพอนุสาวรีย์ของท่าน บริเวณนั้นแต่เดิมเป็นที่ตั้งพระตำหนักผ่อนกาย ซึ่งจัดรับเสด็จฯ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ปัจจุบันได้ตกแต่งเป็นสวนสาธารณะอันร่มรื่น เวลาเย็นๆ มีประชาชนไปพักผ่อนเป็นจำนวนมาก

ขอบคุณที่มาจากhttp://www.trangzone.com

ของฝากเมืองตรัง


หมูย่างอาหารอร่อยที่เชิดหน้าชูตาของชาวตรังอีกอย่างหนึ่ง ที่หลายๆ คนรู้จักกันดี หนังกรอบเนื้อหอมนุ่ม รสชาติอร่อยมีกรรมวิธีหมัก ใส่เครื่องปรุงตลอดจนถึงการคัดเลือกหมูเพื่อมาย่าง อย่างพิถีพิถันหมูย่างนี้นอกจากใช้แกล้มกาแฟแล้ว ยังใช้ขึ้นโต๊ะไม่ว่างานแต่งงาน งานตรุษสารท งานเลี้ยงต่างๆ แม้แต่งานศพและพิธีเซ่นไหว้ทั้งหลาย เป็นของฝากอิ่มท้องของฝากนี้มีข้อแม้ว่าต้องนำไปฝากให้ถึงมือภายในครึ่งวัน มิฉะนั้นจะคลายร้อนเสียอรรถรส ทางที่ดีให้ชักชวนกันมารับประทานที่ร้านจะเข้าทีได้รสดีกว่ากันเยอะ รับรองไม่ผิดหวังสูตรเมืองตรังเป็นหนึ่งแน่แท้

ขอบคุณที่มาจากhttp://www.trangzone.com

สัญลักษณ์ประจำจังหวัดตรัง


ศรีตรัง
ศรีตรัง เป็นพันธุ์ไม้พระราชทานเพื่อปลูกเป็นมงคลจังหวัดตรัง
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Jacaranda obtusifolia Humb. & Bonpl.
วงศ์ : BIGNONIACEAE
ชื่อสามัญ : Green ebony , Jacaranda
ชื่ออื่น : แคฝอย
ไม้ต้นขนาดเล็กผลัดใบ สูง 4 - 10 เมตร ทรงเรือนยอดโปร่ง เปลือกต้นสีน้ำตาลอ่อนปนเทา โตช้า ใบเป็นใบ ประกอบแบบขนนกสองชั้น ออกตรงกันข้าม ใบย่อยขนาดเล็กมาก ปลายใบแหลม โคนใบมน ดอกสีม่วง ออกเป็นช่อแขนงขนาดใหญ่ตามปลายกิ่ง โคนกลีบดอกเชื่อมกันเป็นหลอด มี 5 กลีบ เมื่อบานเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2 เซนติเมตร ผลเป็นฝักแบนกว้าง 1 - 1.5 เซนติเมตร ยาว 2 - 2.5 เซนติเมตร เมื่อแก่แตกออกเป็น 2 ซีก เมล็ดแบนขนาดเล็กมีปีก
นิเวศวิทยา เป็นไม้ถิ่นอเมริกาใต้ ปลูกได้ดีในดินแทบทุกชนิด พระยารัษฎานุประดิษฐ์ได้นำเข้ามาปลูก ที่จังหวัดตรัง
ออกดอก ธันวาคม - มีนาคม
ขยายพันธุ์ โดยเมล็ด ต้นมีอายุ 4 - 6 ปี จึงจะออกดอก
ข้อสังเกตและผลการทดลอง 1. เมล็ดงอกใช้เวลาประมาณ 10 วัน2. ภายในระยะเวลา 4 เดือน ต้นกล้าจะมีความสูงประมาณ 30 ซม. สามารถย้ายปลูกได้
ประโยชน์ : ปลูกเป็นไม้ประดับ
ขอบคุณที่มาจากhttp://www.trangzone.com

นกทะเลที่เกาะลิบง


บริเวณแหลมจุโหยนั้นเป็นหาดทรายซึ่งเวลาน้ำลดสามารถเดินทางไปถึงเกาะตูบ ซึ่งมีนกทะเลบิน มาอาศัยนอนกลางคืนมากมาย เกาะนี้มีหมู่บ้านชาวประมงหลายหมู่บ้าน ประชาชนบนเกาะใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม มีเรือออกจากเกาะทุกเช้าสู่ท่าเรือกันตังและกลับประมาณเที่ยง สามารถมองเห็นทิวทัศน์เกาะเจ้าไหม และแหลมเจ้าไหมงดงามยิ่ง สำหรับนักท่องเที่ยวที่มาจากเกาะเจ้าไหม สามารถเช่าเรือไปเที่ยวเกาะลิบงได้ในระยะทางใกล้กว่าจากกันตัง
หากต้องการพักแรมบนเกาะ ขอบคุณที่มาจากhttp://www.moohin.com

วันอังคารที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

กระพังสุรินทร์

เป็นสระน้ำธรรมชาติกว้างประมาณ 50 ไร่ มีสะพานคอนกรีตเชื่อมไปสู่ศาลากลางน้ำที่สร้างไว้อย่างสวยงาม เชื่อมถึงกันทั้ง 3 ศาลา รอบๆ บริเวณได้รับการแต่งเป็นสวนสาธารณะ มีสวนสัตว์และภัตตาคารร้านอาหารใต้ร่มไม้ ไว้บริการแก่ผู้เข้าไปเที่ยวและพักผ่อนหย่อนใจ เป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การพักผ่อนยามเย็น เพราะตั้งอยู่ไม่ไกลจากบริเวณอนุสาวรีย์พระยารัษฎานุประดิษฐ์ฯ เท่าใดนัก
ขอบคุณที่มาจากhttp://www.google.co.th

คนดีศรีตรัง

ป๋อง ณ ปะเหลียน
ศิลปินหนุ่มแนวเพลงเพื่อชีวิตจากถิ่นใต้แดนสะตอ “กานติ ไชยสุนทรวงศ์” เอ่ยชื่อนี้หลายคนไม่รู้จัก หากเป็นนักร้องเพลงเพื่อชีวิตชื่อว่า “ป๋อง ณ ปะเหลียน” คงจะถึงบางอ้อแน่ๆ พื้นเพป๋องเป็นคน อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง เขาจึงใช้ชื่อเล่นผสมกับชื่อถิ่นกำเนิดมาเป็นสื่อให้รู้ว่าจังหวัดบ้านเกิดมีอะไรหลายๆ อย่างที่น่าสนใจและน่าศึกษาเป็นอย่างยิ่ง ป๋องเริ่มเล่นดนตรีตั้งแต่อายุ 14 ปี จนมาเล่นเป็นอาชีพจริงจัง ปี 2532 เล่นประจำผับประมาณ 4 ปี จนปี 2535 เหตุการณ์บ้านเมืองในยุค ร.ส.ช. บีบบังคับให้เข้าไปเป็นแนวร่วมอยู่ในกลุ่มนักศึกษา และประชาชนต่อต้าน ร.ส.ช. ในขณะนั้นด้วย ช่วงที่อยู่ในกลุ่มได้ทำกิจกรรมมากมายหลายที่หลายแห่ง พร้อมกับเก็บเกี่ยวเหตุการณ์ต่างๆ ที่พานพบนำมาเป็นประสบการณ์ ชื่อจริง ไกร ชัยสุนทรวงษ์ชื่อเล่น ป๋อง ( ป๋อง ณ ปะเหลียน )วันเกิด 4 พฤศจิกายนกีฬาที่ชอบ ฟุตบอลอาหารจานโปรด แกงส้มความสามารถพิเศษ แต่งเพลง,เล่นเครื่องดนตรีได้หลายชนิดคติประจำใจ คิดดี ทำดี ได้ดี ผลงานที่ผ่านมาอัลบั้มแรก พ.ศ.2538 ชื่อชุด เมืองไทยในฝันอัลบั้มที่ 2 พ.ศ.2539 ชื่อชุด อีกหนกับคนร้องเพลงอัลบั้มที่ 3 พ.ศ.2542 ชื่อชุด คำตอบจากคนไกล ได้รับการตอบรับจากแฟนเพลงคือเพลง "คิดถึง"อัลบั้มที่ 4 พ.ศ.2543 ชื่อชุด นกกรงหัวจุกอัลบั้มที่ 5 พ.ศ.2544 ชื่อชุด สวรรค์ห้องเช่า คงรู้จักกันดีกับเพลง "ขนำน้อย"อัลบั้มที่ 6 พ.ศ.2546 ชื่อชุด รักไม่ใส่หน้ากากอัลบั้มที่ 7 พ.ศ.2547 ชื่อชุด ผู้ชายสามัญ ผลงานล่าสุดอัลบั้มที่ 8 พ.ศ.2549 ชื่อชุด "ไผ่สีกอ" เปิดตัวด้วยเพลงที่ใช้ชื่อเดียวกับอัลบั้ม คือเพลง "ไผ่สีกอ" สื่อออกมาได้ดีเลยทีเดียว เพราะว่ามีผสมเครื่องสี เครื่องเป่าพื้นบ้านอย่างเช่น ซอ ขลุ่ย เข้าไปในเพลงทำให้ฟังแล้วรู้สึกนึกถึงกลิ่นไอของบ้านนา ส่วนเพลงเปิดตัวเพลงที่สองกับเพลง "รักคนอ้อร้อ"
ขอบคุณที่มา จาก http://www.trangzone.com

เอ็ดดี้ ผีน่ารัก เสียชีวิตแล้วเมื่อช่วงเช้า


สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอมขอขอบคุณภาพประกอบจาก หนังสือพิมพ์ข่าวสด และอสมท. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (24 พฤศจิกายน) เมื่อเวลา 07.00 น. นายเฉลิม ทวีบท หรือ เอ็ดดี้ ผีน่ารัก ดาราตลกชื่อดัง วัย 53 ปี ได้เสียชีวิตแล้ว ที่ โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี หลังจากรักษาอาการป่วยมะเร็งกระดูกสันหลังลามสมอง โดยนางรุ้งลาวัลย์ ทวนจันทร์ ภรรยาของเอ็ดดี้ได้โทรศัพท์แจ้งข่าวดังกล่าวให้ เป็ด เชิญยิ้ม อดีตนายกสมาคมตลก ทั้งนี้มีรายงานว่าจะมีการรดน้ำศพที่วัดมูลจินดาราม ย่านรังสิตคลอง 5 จังหวัดปทุมธานี ก่อนหน้านี้เอ็ดดี้มีอาการปวดหลังและปวดศีรษะอย่างหนัก ญาติๆ นำส่งโรงพยาบาลปทุมเวช เพื่อรักษาอาการ เมื่อคืนวันที่ 14 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา หลังเกิดอาการปวดหลังอย่างรุนแรง และเหนื่อยหอบ ขณะไปแสดงตลกที่วัดเขาพระ จังหวัดสุพรรณบุรี กระทั่งมีรายงานข่าวว่าตลกเอ็ดดี้ป่วยมะเร็งขั้นสุดท้าย ภรรยาและญาติๆ ตัดสินใจย้ายไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี ขณะที่โก๊ะตี๋ ได้มอบเงินช่วยเหลือเบื้องต้น 50,000 บาทและบวชอุทิศให้ที่วัดคลองครุ เมื่อวันเสาร์ที่ (22 พฤศจิกายน) ผ่านมา
ขอบคุณที่มา http://www.kapook.com/

คนดีศรีตรัง

โอเล่ห์ดง กระทิงแดงยิม แชมป์โลกชาวตรัง บจนในที่สุด เขาก็สามารถชิงแชมป์โลก รุ่นสตอร์เวต น้ำหนัก 105 ปอนด์ WBC ของสภามวยโลก มาได้สำเร็จ โอเล่ห์ดง กระทิงแดงยิม แชมป์โลก WBC แชมป์โลกหนึ่งเดียวชาวใต้ ของประเทศไทยในขณะนี้ หลังจากได้ครองแชมป์โลก เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2550 จากการชนะคะแนน อีเกิ้ล เด่นจุลพันธ์ มีชื่อจริงว่า นายกิตติพงษ์ หรือน้องโอ ใจกระจ่าง อายุ 22 ปี ชาวหมู่ที่ 6 ตำบลหนองปรือ อำเภอรัษฎา จังหวัดตรัง สำหรับลักษณะเด่นของ โอเล่ห์ดง กระทิงแดงยิม นั้น ถือได้ว่าเป็นมวยที่มีชั้นเชิง ฝีมือ และมีช่วงจังหวะที่ดี สามารถอ่านเกมส์และแก้เกมส์คู่ชกได้ ส่วนเป้าหมายในการชกมวยอาชีพนั้น เขาหวังไว้ว่าจะทำให้ดีที่สุด โดยไม่เคยคาดหวังว่าจะป้องกันตำแหน่งไปอีกกี่ไฟต์แต่ทุกไฟต์ที่ขึ้นชกนั้น เขาก็จะทำให้ดีที่สุด ไม่ว่าผลที่ออกมานั้นจะเป็นเช่นไร และจะไม่เสียใจเพราะตนเองทำดีที่สุดแล้ว พร้อมทั้งจะไม่ทรยศกับตนเองและคำสอนของพ่อ ที่ย้ำเสมอว่าไม่ว่าจะทำอะไรต้องทำให้ดีที่สุด แล้วผลลัพธ์ก็จะออกมาดีตามที่ตนเองกระทำโอเล่ห์ดง กระทิงแดงยิม เล่าถึงชีวิตหลังการเป็นแชมป์โลกว่า เริ่มที่มีการเปลี่ยนแปลงบ้างเล็กน้อย โดยมีคนรู้จักมากขึ้น และเมื่อไปไหนมาไหนมีคนจำได้ว่าเป็นแชมป์โลก ก็เข้ามาทักทายและแสดงความยินดี ซึ่งก็รู้สึกดีใจ แต่ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปมากกว่านี้ส่วนรางวัลที่ได้จากการชกมวยแต่ละครั้ง เขาได้ส่งกลับมาให้พ่อและแม่เก็บไว้ใช้จ่ายภายในบ้านที่จังหวัดตรัง อย่างไรก็ตาม ก็มีบางครั้งที่เขาเองไม่มีเงิน ก็จะโทรศัพท์มาขอกับทางบ้าน ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นเรื่องการเรียน โดยขณะนี้กำลังเรียนที่ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน (กศน.) ระดับชั้นมัธยมปลาย สำหรับทรัพย์สินอื่นๆ นั้น เขาบอกว่า ยังไม่ได้คิดสร้าง เนื่องจากทางบ้านยังคงมีค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมาก โดยจะพยายามเก็บเงินให้ได้มากที่สุด เพื่อครอบครัวจะได้สะดวกบายมากกว่าที่เป็นอยู่ในขณะนี้ สำหรับประวัติโดยย่อนั้น โอเล่ห์ดง กระทิงแดงยิม เป็นบุตรคนที่ 2 ของนายเสมอ กับนางสมจิตร ใจกระจ่าง ซึ่งนายเสมอ ผู้เป็นพ่อเป็นนักมวยเก่า อดีตมีชื่อในวงการมวยว่า สิงห์เสมอ ลูกเจ้าแม่ไทรบ่วง และได้ตั้งค่ายมวยเป็นของตนเองเมื่อปี 2534ด้วยการนำอุปกรณ์การชกมวยเก่าๆ จากค่ายมวยอื่นๆ มาใช้ฝึกซ้อม โดยใช้ชื่อค่ายมวยว่า ศิษย์เสมอชัย และได้ให้ลูกชายคนที่ 2 ฝึกหัดชกมวยไทย ตั้งแต่อายุ 6 ขวบ ในชื่อว่า โอเล่ห์ดง และพาตระเวนชกไปทั่วภาคใต้ จนเป็นที่รู้จักกันทั่วไป ขอบคุณที่มา จาก http://www.trangzone.com
เกาะลิบง เกาะลิบง เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในอำเภอกันตัง ตั้งอยู่ที่ตำบลลิบง การเดินทางนักท่องเที่ยวต้องไปลงเรือที่ท่าเรือกันตัง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง เกาะมีพื้นที่ประมาณ 25,000 ไร่ ได้รับประกาศเป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง ซึ่งเป็นแหล่งรวมของนกหลายชนิด และเป็นที่อยู่อาศัยของปลาพะยูน รอบๆ เกาะมีแหลมและหาดหลายแห่ง เช่น หาดตูบ แหลมจุโหย แหลมทวด แหลมโต๊ะชัย เป็นต้นบริเวณแหลมจุโหยนั้นเป็นหาดทรายซึ่งเวลาน้ำลดสามารถเดินทางไปถึงเกาะตูบ ซึ่งมีนกทะเลบินมาอาศัยนอนกลางคืนมากมาย เกาะนี้มีหมู่บ้านชาวประมงหลายหมู่บ้าน ประชาชนบนเกาะส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม มีเรือออกจากเกาะทุกเช้าสู่ท่าเรือกันตังและกลับประมาณเที่ยง สามารถมองเห็นทิวทัศน์เกาะเจ้าไหม และแหลมเจ้าไหมงดงามยิ่งสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาจากเกาะเจ้าไหม สามารถเช่าเรือไปเที่ยวเกาะลิบงได้ในระยะทางใกล้กว่าจากกันตัง หากต้องการพักแรมบนเกาะสามารถติดต่อที่พักได้ที่ พอพลไดฟ์วิ่งและเกาะลิบงรีสอร์ท โทร. (075) 214676 มีบริการนำเที่ยวรวมค่าเรือ ที่พักและอาหาร 2 วัน 1 คืน ราคา 950 บาท 3 วัน 2 คืน ราคา 1,800 บาท เฉพาะห้องพักราคา 150-500 บาทขอบคุณที่มา จาก http://www.trangzone.com

ความหมายของปลาดาว

ปลาดาว
ปลาดาวไม่ใช่ปลาเเต่ป็นสัตว์ทะเลจำพวกหนึ่งลำตัวมีรูปร่างเหมืนถุงกลมๆคว่ำปากลงปลาดาวโดยทั่วไปมีเเขนเหมือนดาวห้าเเสกด้านใต้แฉกทั้งห้ามีขนเป็นหลอดสั้นๆเรียงกันเป็นเเถวเมื่อมันต้องการเดินทางมันก็จะยื่นเเขนหรือแฉกดาวของมันออกไปเพราะใต้แฉกมีขาแล้วดึงตัวมันไปทางนั้นแฉกดาวเมื่อขาดจะงอกได้ไหม่หากเราจับปลาดาวมาสับเป็นเสี่ยงมันจะยิ่งเติบโตเป็นหลายตัวเพราะเฉกของมันงอกได้ใหม่เหมือนหางจิ้งจกใต้ลำตัวปลาดาวมีปากเลยจากปากขึ้นไปเป็นกระเพราะมันสามารถทับเหยื่อกระเพราะของมันจะดูดเหยื่อเข้าไปเล้วย่อยเป็นอาหารมันชอบกิินหอยนางลมหอยแมลงภู่วิธีเลี้ยงหอยกำจัดปลาดาวคือต้องจับมันมาเผาแล้วป่นให้ละเอียดไม่อย่างนั้นหอยหมดฟามแน่
ขอบคุณที่มาจาก http://www.maesastudent.th.gs

วันจันทร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

ดอกไม้ประจำวันเกิด


เกิดวันเสาร์ จะมีต้นไม้พวกต้นกัลปังหา ต้นพวงคราม ต้นอินทนิล เป็นต้นไม้ประจำวันเกิด ดอกไม้ประจำวันเกิดคือ ดอกลิลลี่ อันหมายถึงรักครั้งแรก รักที่บริสุทธิ์เพราะคนที่เกิดวันเสาร์เป็นคนจริงจังและซีเรียส จึงรักใครยากหน่อย ทว่าดอกลิลี่เป็นดอกที่กระทบใจคนขี้เหงาวันเสาร์ได้ดีทีเดียว ขอบคุณที่มา
ข้อมูลจาก สมาชิก Kapook Planet โดยคุณ SoDaZa

ดอกไม้ประจำวันเกิด


เกิดวันศุกร์ ต้นไม้ที่แสนดีของคนที่วันศุกร์คือ ต้นพยับหมอก ต้นแส ต้นอัญชัน ส่วนดอกไม้ของเธอคือ กุหลาบทุกสี เพราะคนที่เกิดวันศุกร์มักเป็นนักรักที่ยิ่งใหญ่มีเสน่ห์ล้นเหลือ หรือจะเป็นดอกไม้เจ้าเสน่ห์ที่มีความหมายหวานแหววแบบดอกไวโอแลตว่า "ฉันรักเธอแล้ว หากรักฉันก็บอกกันบ้างนะ" คนเกิดวันศุกร์บางอารมณ์ก็โลเล จึงได้ดอกลาเวนเดอร์ที่มีความหมายถึงรักที่สับสน ไม่แน่นอน ไปครองอีกดอกหนึ่ง ขอบคุณที่มาข้อมูลจาก สมาชิก Kapook Planet โดยคุณ SoDaZa

ดอกไม้ประจำวันเกิด


เกิดวันพฤหัสบดี ต้นไม้ประจำตัวคือ ต้นโสน ต้นราชพฤกษ์ และต้นบานบุรี หากมีต้นไม้เหล่านี้อยู่ในบ้านจะช่วยคุ้มครองดูแลเธอ ดอกไม้ประจำวันเกิดของเธอคือ ดอกกุหลาบสีเหลือง หมายถึงการเปลี่ยนแปลงในเรื่องความรัก รักซ้อนซ่อนใจ เพราะคนที่เกิดวันนี้เป็นคนรักงายหน่ายเร็ว เจ้าชู้เล็กๆ ดอกไม้อีกชนิดหนึ่งคือดอกคาร์เนชั่นสีชมพู หมายถึงรักของเธอที่อ่อนโยนและอ่อนหวาน เธอที่เกิดวันนี้ จริงๆ แล้วเป็นคนสุภาพอ่อนโยนและมีอารมณ์ขัน น่ารักเหมือนดอกไม้ของเธอนั่นแหละ ขอบคุณที่มาข้อมูลจาก สมาชิก Kapook Planet โดยคุณ SoDaZa

ดอกไม้ประจำวันเกิด


เกิดวันพุธ ต้นไม้ประจำตัวคนที่เกิดวันพุธนั้นพิเศษกว่าคนอื่นตรงที่เป็นต้นไม้ใบเขียว โดยเฉพาะต้นกระดังงา ต้นสนฉัตร ดังนั้นเธอควรปลูกต้นไม้เยอะๆ ถึงจะโชคดี ต้นไม้เหล่านั้นจะช่วยปกป้องคุ้มครองเธอได้ คือ ดอกบัว หมายถึงจิตใจอันสงบ เพราะคนที่เกิดวันพุธมักชอบเป็นนักการทูตและรัก สันติภาพ ดอกไม้ประจำวันเกิด คือดอกบัว ซึ่งคนที่เกิดวันพุธมักจะเป็นนักคำนวณ (เงิน) สีเหลืองอร่ามราวกับทองของดอกไม้ชิดนี้ หมายถึงรักของเธอต้องมาพร้อมเงิน ขอบคุณที่มาข้อมูลจาก สมาชิก Kapook Planet โดยคุณ SoDaZa

ดอกไม้ประจำวันเกิด


เกิดวันอังคาร ต้นไม้ที่แสนดีของเธอคือ ต้นชัยพฤกษ์ ต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ ต้นยี่โถ ออกดอกสีชมพู ต้นเข็มออกดอกสีชมพู ถ้าต้นไม้ของเธอออกดอกมากๆ บอกได้ว่าเธอกำลังมีความสุข ดอกไม้ประจำวันเกิดของเธอคือ ดอกกล้วยไม้ โดยเฉพาะที่ออกดอกสีชมพู เพราะมีความหมายถึงความรักที่ร้อนรุ่ม หวือหวา วูบวาบตามอารมณ์ของคนที่เกิดวันนี้ ขอบคุณที่มาข้อมูลจาก สมาชิก Kapook Planet โดยคุณ SoDaZa

การแบ่งสมัยของวรรณคดี


การ
แบ่งสมัยของวรรณคดี
วรรณคดีไทย เริ่มมีขึ้นตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัยเป็นราชธานีของไทย มาจนกรุงรัตนโกสินทร์ วรรณคดีมิได้เกิดขึ้นทุกรัชกาล เพราะฉะนั้นสมัยของวรรณคดีไทยอาจเรียกตามพระนามของพระมหากษัตริย์ที่มีวรรณคดีเกิดขึ้นก็ได้ แต่ในที่นี้จะแบ่งโดยอิงตามลำดับเวลาตามประวัติศาสตร์ของชาติไทยเป็นหลัก ได้ดังต่อไปนี้
๑. วรรณคดีสมัยสุโขทัย วรรณคดีสมัยสุโขทัย เริ่มตั้งแต่รัชกาลของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ที่มีการ
ประดิษฐ์ลายสือไทยขึ้น ใน พ.ศ. ๑๘๒๖ จนถึงรัชกาลของพระมหาธรรมราชาที่ ๔ สุโขทัยตกอยู่ใต้อำนาจ กรุงศรีอยุธยา ในพ.ศ. ๑๙๒๑
๒. วรรณคดีสมัยอยุธยา ในสมัยนี้แบ่งเป็นยุคย่อยได้อีก ๓ สมัย คือ
๒.๑ สมัยอยุธยาตอนต้น เริ่มตั้งแต่การสถาปนากรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ในสมัยสมเด็จพระรามา-
ธิบดีที่ ๑(อู่ทอง) ประมาณปี พ.ศ. ๑๘๙๓ ถึงสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง ใน พ.ศ. ๒๑๙๘
๒.๒ สมัยอยุธยาตอนกลาง เริ่มตั้งแต่สมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรมจนถึงสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
๒.๓ สมัยอยุธยาตอนปลาย เริ่มตั้งแต่สมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ประมาณ พ.ศ. ๒๒๗๕ จนกระทั่ง
เสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ ๒ ใน พ.ศ. ๒๓๑๐
๓. วรรณดคีสมัยกรุงธนบุรี เกิดขึ้นในสมัยกรุงธนบุรีเป็นราชธานี ระหว่าง พ.ศ. ๒๓๑๐ – พ.ศ. ๒๓๒๕
๔. วรรณคดีสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ แบ่งออกตามพัฒนาการของวรรณคดี ได้ ๒ ระยะ คือ
๔.๑ สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น เริ่มตั้งแต่สถาปนากรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานี ใน พ.ศ.
๒๓๒๕ จนกระทั่งปลายรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ใน พ.ศ. ๒๓๖๗
๔.๒ สมัยรัตนโกสินทร์ตอนกลาง เริ่มในระหว่างรัชกาลพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
จนกระทั่งรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว คือระหว่าง พ.ศ. ๒๓๖๗ – พ.ศ. ๒๔๗๕
๔.๓ สมัยรัตนโกสินทร์ปัจจุบัน (หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง) เริ่มตั้งแต่การเปลี่ยนแปลง
การปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช มาเป็นการปกครองแบบประชาธิปไตย ในพ.ศ. ๒๔๗๕ ถึงปัจจุบัน

ดอกไม้ประจำวันเกิด


วันนี้เรามีดอกไม้ ประจำวันเกิดมาให้อ่านกันค่ะ … ใครเกิดวันไหน ตรงกับต้นไม้ หรือดอกไม้อะไรก็อย่าลืมไปหามาปลูกนะคะ เกิดวันอาทิตย์ ต้นไม้ประจำวันเกิด เป็นต้นพวงแสด ต้นพุทธรักษา ต้นธรรมรักษา และต้นเยอร์บีร่าที่มีดอกสีส้ม ส่วนดอกไม้ประจำวันเกิด เป็นดอกกุหลาบสีส้ม จะถูกโฉลกกับเธอที่เกิดวันอาทิตย์ คนเกิดวันนี้มีนิสัยทะเยอทะยานและกระตือรือล้น เธอและดอกไม้มีความหมายถึงความฝันอันยิ่งใหญ่ ดอกไม้อีกชนิดสำหรับผู้เกิดวันนี้คือ ดอกทานตะวัน อันเป็นสัญลักษณ์คู่กับพระอาทิตย์เสมอ บอกถึงตัวเธอที่เชื่อมั่น หัวสูง ถือตัว และหยิ่งในศักดิ์ศรีด้วย ขอบคุณที่มา ข้อมูลจาก สมาชิก Kapook Planet โดยคุณ SoDaZa

ประเภทของวรรณคดี

ประเภท ของวรรณคดี


ประเภทของวรรณคดี
๑. กวีนิพนธ์ คือ เรื่องที่แต่งเป็น โคลง ฉันท์ กาพย์ กลพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งวรรณคดีสโมสร ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว กำหนดประเภทของ วรรณดคีและพิจารณาหนังสือที่เป็นยอดของวรรณคดีแต่ละประเภทไว้ ดังนี้
อน
๒. ละครไทย คือ เรื่องที่แต่งเป็นกลอนแปด มีกำหนดหน้าพาทย์
๓. นิทาน คือ เรื่องราวอันผูกขึ้นและแต่งเป็นร้อยแก้ว
๔. ละครพูด คือ เรื่องราวที่เขียนเพื่อใช้แสดงบนเวที
๕. อธิบาย (essay หรือ pamphlet) คือ การแสดงด้วยศิลปวิทยา หรือกิจการอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่ไม่ใช้ตำราหรือแบบเรียน หรือความเรียงเรื่องโบราณ มีพงศาวดาร เป็นต้น ขอบคุณที่มา จากhttp://www.mwk.ac.th/jurairat/

ดอกไม้ประจำวันเกิด


เกิดวันจันทร์ ต้นไม้ประจำวันเกิดของเธอคือ ต้นมะลิ ต้นแก้ว ต้นพุด ต้นจำปี ยิ่งถ้าปลูกแล้วออกดอกหอม เธอจะยิ่งโชคดี ดอกไม้ประจำวันเกิด คือดอกมะลิขาวสะอาด หมายถึงตัวเธอที่มีความนุ่มนวลอ่อนโยน เรียบร้อย ส่วนดอกไม้อีกชิดคือ ดอกกุหลาบขาว หมายถึงความรักที่อ่อนโยนและไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทนเพราะคนวันจันทร์มักอ่อนไหวง่าย โรแมนติก และช่างฝัน ขอบคูณที่มาจาก ข้อมูลจาก สมาชิก Kapook Planet โดยคุณ SoDaZa

ความหมายวรรณคดี

วรรณคดี
เป็นคำที่บัญญัติขึ้นเพื่อใช้แทนคำ Literature ในภาษาอังกฤษ ปรากฏครั้งแรกในพระราชกฤษฎีกา จัดตั้งเป็นวรรณคดีสโมสร เมื่อวันที่ ๒๓ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๕๗ ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
คำ วรรณคดี ประกอบขึ้นจากคำ วรรณ ซึ่งเป็นคำมาจากภาษาสันสกฤต แปลว่า หนังสือ ส่วนคำ คดี เป็นคำเดียวกับ คติ ซึ่งเป็นคำบาลีและสันสกฤต แปลว่า เรื่อง ตามรูปศัพท์ วรรณคดี แปลว่า เรื่องที่แต่งเป็นหนังสือ แต่หมายเฉพาะหนังสือที่แต่งดี
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๒๕ ให้คำจำกัดความของวรรณคดีว่า หนังสือที่ได้รับยกย่องว่าแต่งดี
หนังสือที่ได้รับยกย่องว่าแต่งดี หรือที่เป็น วรรณคดี มีผู้ให้คำจำกัดความไว้ต่าง ๆ ขอบคุณที่มา จากhttp://www.mwk.ac.th

นางในวรรณคดี

..นางกากี..หากไม่ได้คนธรรพ์นั้นมาช่วยคงมอดม้วนสิ้นชื่อหรือถูกขายหากต้องอยู่คงไม่ต่างจากคนตายเรื่องจึงคลายจากร้ายกลายเป็นดีแต่ยังมีกรรมเก่ามาเผาอยู่ด้วยเจ้าคูเมืองใหญ่ให้ประหารเพื่อให้เป็นเยี่ยงอย่างและประจารให้ชาวบ้านรู้ทั่วตัวกาลีหากคิดดีมีเหตุมาวิเคราะห์ให้เหมาะเจาะถึงความผิดอันบัดสีนั่นก็หาใช่ความผิดที่กากีใยนางนี้จึงต้องโทษโจษย์ประจาน เป็นนางในรับใช้สนองโอษฐ์แต่ต้อหลีกหนีภัยแต่ยังไม่พ้นกรรมที่ทำมาพบโจรป่าฉุดคร่าจะเป็นผัวด้วยความกลัวโจรไพรใจบาปหนาทั้งความหิวบั่นทอนจนอ่อนล้าหมดปัญญาต้านแรงแข็งขืนกายงโทษในกาเมสุมิจฉาครุฑลักพาหลีกหลบคนธรรพ์มาจนชีวามีมลทิลคลุ้งกลิ่นคาวถูกลอยหนาวบนแพกระแสคลื่นครั้นเมื่อฟื้นยังเหมือนตกนรกไหม้ต้องกระเซอะกระเซิง ขอบคุณที่มา จากhttp://www.pantown.

วันศุกร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

พระประจำวันเสาร์


ลักษณะพระพุทธรูป พระพุทธรูปปางนี้ อยู่ในพระอิริยาบถนั่งขัดสมาธิราบ ทรงหงายพระหัตถ์ทั้งสองแบวางซ้อนกันบนพระเพลา พระหัตถ์ขวาซ้อนทับพระหัตถ์ซ้าย มีพญานาคแผ่พังพานปกคลุมเบื้องพระเศียร ประวัติและความสำคัญ ครั้นพระพุทธองค์เสด็จประทับเสวยวิมุตติสุข ณ ร่มไม้อชปาลนิโครธสิ้น ๗ วัน แล้วพระองค์ก็เสด็จไปประทับนั่งเสวยวิมุตติสุขยังร่มไม้จิก อันมีชื่อว่า มุจจลินท์ ซึ่งตั้งอยู่ด้านทิศอาคเนย์ของต้นพระศรีมหาโพธิ์ วันนั้นเกิดฝนตกพรำอยู่ไม่ขาดสายตลอด ๗ วัน พญานาคมุจจลินท์ ผู้เป็นราชาแห่งนาคได้ออกจากนาคพิภพ ทำขนดล้อมพระวรกาย ๗ ชั้น แล้วแผ่พังพานใหญ่ปกคลุมเบื้องบนเหมือนกั้นเศวตฉัตรถวายพระผู้มีพระภาคเจ้า ด้วยความประสงค์มิให้ฝนและลมหนาวสาดต้องพระวรกาย ทั้งป้องกันเหลือบ ยุง บุ้ง ร่าน ริ้น และสัตว์เลื้อยคลานทั้งมวลด้วย ครั้งฝนหายแล้ว พญามุจจลินท์นาคราช จึงคลายขนดจากที่ล้อมพระวรกายพระพุทธเจ้า จำแลงเพศเป็นมาณพน้อยยืนทำอัญชลีถวายนมัสการพระพุทธองค์ ในที่เฉพาะพระพักตร์. ขอบคุณที่มา:จากhttp://satuk.tripod.com

พระประจำวันศุกร์


ลักษณะพระพุทธรูป พระพุทธรูปปางนี้ อยู่ในพระอิริยาบถยืน พระหัตถ์ทั้งสองประสานยกขึ้นประทับที่พระอุระ พระหัตถ์ขวาทับพระหัตถ์ซ้าย พระบาททั้งสองประทับยืนชิดติดกันประวัติและความสำคัญ เมื่อตปุสสะและภัลลิกะ ๒ พาณิชกราบทูลลาไปแล้ว พระพุทธองค์เสด็จกลับจากร่มไม้ราชายตนะ ไปประทับเสวยวิมุตติสุข ณ ร่มไม้อชลปาลนิโครธอีกครั้งหนึ่ง และทรงรำพึงถึงธรรมที่พระองค์ได้ตรัสรู้แล้วนั้นว่า เป็นธรรมประณีตละเอียดสุขุมคัมภีรภาพ ยากที่บุคคลจะรู้ได้ทำให้ท้อแท้พระทัย ถึงกับทรงดำริจะไม่แสดงธรรมแก่มหาชน ครั้งนั้น ท้าวสหัมบดีพรหมทราบวาระจิตของพระพุทธองค์ จึงร้องประกาศชวนเทพยดาทั้งหลาย พากันไปเฝ้าพระพุทธองค์ยังที่ประทับ ฯ ควงไม้อชปาลนิโครธ ถวายอภิวาทแล้วกราบทูลอาราธนาพระพุทธองค์ ขอให้ทรงแสดงธรรมโปรดประชาชน เพื่อบุคคลผู้มีธุลีในนัยน์ตาน้อย ทั้งมีอุปนิสสัยอันจะเป็นพุทธสาวก จะได้ตรัสรู้ธรรมบ้าง พระพุทธองค์ทรงรำพึงถึงธรรมเนียมของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย แต่ปางก่อนว่าได้ตรัสรู้แล้ว ย่อมทรงแสดงธรรมโปรดประชาชนทั้งหลายประดิษฐานพระพุทธศาสนาให้แผ่ไพศาล เพื่อประโยชน์สุขแก่ปัจฉิมชน ผู้เกิดมาภายหลังแล้วจึงเสด็จปรินิพพาน จึงได้น้อมพระทัยไปในอันแสดงธรรมโปรดเวไนยสัตว์ในโลก แล้วพระพุทธองค์ ทรงพิจารณาอีกว่า จะมีผู้รู้ถึงธรรมนั้นบ้างหรือไม่ ก็ทรงทราบถึงอุปนิสัยของบุคคลทั้งหลาย ในโลกนี้ย่อมมีต่าง ๆ กัน คือ ทั้งประณีต ปานกลางและหยาบ ที่มีนิสัยดีมีกิเลส น้อยเบาบาง มีบารมีที่ด้สั่งสมอบรมมาแล้ว ซึ่งพอจะตรัสรู้ธรรมตามพระองค์ได้ก็มีอยู่ ผู้มีอินทรีย์ ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิปัญญากล้าก็มี ผู้มีอินทรีย์อ่อนก็มี เป็นผู้จะพึงสอนให้รู้ได้โดยง่ายก็มี. ขอบคุณที่มา:จาก http://satuk.tripod.com/

พระประจำวันพฤหัสบดี


ลักษณะพระพุทธรูป พระพุทธรูปปางนี้ อยู่ในพระอิริยาบถประทับนั่งขัดสมาธิราบ พระหัตถ์ทั้งสองหงายวางซ้อนกันบนพระเพลา คือพระหัตถ์ขวาทับพระหัตถ์ซ้าย พระชงฆ์ขาวทับพระชงฆ์ซ้ายประวัติและความสำคัญ เมื่อพระมหาบุรุษบรมโพธิสัตว์ ทรงกำจัดพญามาร และเสนามารให้ปราชัยด้วยพระบารมี ตั้งแต่เวลาสายัณห์มิทันพระอาทิตย์จะอัสดงคต ก็ทรงเบิกบานพระทัยได้ปีติเป็นกำลังภายในสนับสนุนเพิ่มพูนแรงปฎิบัติภาวนาให้ยิ่งขึ้น ดังนั้น พระองค์จึงมิได้ทรงพักให้เสียเวลาทรงเจริญสมาธิภาวนาทำจิตใจให้ปราศจากอุปกิเลสจนจิตสุขุมเข้าโดยลำดับ ไม่ช้าก็ได้บรรลุปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน และจตุตถฌาน อันเป็นส่วนรูปสมบัติตามลำดับ ต่อจากนั้น ก็ทรงเจริญญานอันเป็นองค์ปัญญาชั้นสูง ๓ ประการ ยังองค์พระโพธิญาณให้เกิดขึ้นเป็นลำดับ ตามลำดับแห่งยามสามอันเป็นส่วนราตรี นั้นคือ ในปฐมยาม ทรงบรรลปุพเพนิวาสานุสสติญาณ สามารถระลึกอดีตชาติที่พระองค์ทรงบังเกิดมาแล้วทั้งสิ้นได้ ในมัชฌิมยาม ทรงบรรลุจตูปปาตญาณ หรือทิพจักขุญาณ สามารถหยั่งรู้การเกิด การตาย ตลอดจนการจุติและปฎิสนธิของสัตว์ทั้งหลายได้หมด ในปัจฌิมยาม ทรงบรรลุอาสวักขยญาณ ทรงพระปรีชาสามารถทำอาสวะกิเลสทั้งหลายให้หมดสิ้นไป ด้วยปัญญาพิจารณาในปัจจยาการแห่งปฏิจจสมุปบาท โดยอนุโลมและปฏิโลมทั้งฝ่ายเกิดและฝ่ายดับ สาวไปข้างหน้าและสาวกลับไปมา แล้วทรงบรรลุอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า. ขอบคุณที่มา: จาก http://satuk.tripod.com

พระประจำวันพุธ(กลางคืน)


ลักษณะพระพุทธรูป พระพุทธรูปปางนี้ อยู่ในพระอิริยาบถประทับนั่งบนก้อนศิลา ห้อยพระบาททั้งสองข้างลงทอดพระบาทเล็กน้อย พระหัตถ์ซ้ายคว่ำวางบนพระชานุซ้าย พระหัตถ์ขวาหงายวางบนพระชานุขวาเป็นกิริยาทรงรับ มีช้างหมอบถือน้ำยื่นถวาย และมีลิงหมอบถือรวงผึ้งถวายอยู่ข้างหน้า ประวัติและความสำคัญ ณ เมืองโกสัมพีมีพระภิกษุ ๒ ฝ่ายอยู่ในวิหารเดียวกันคือฝ่ายพระวินัยธร ที่ถือเคร่งครัดทางพระวินัย และฝ่ายพระธรรมธร ที่ถือการแสดงธรรมเป็นใหญ่ แต่ละฝ่ายก็มีลูกศิษย์เป็นบริวารมากมาย วันหนึ่งพระธรรมธรได้เข้าไปในห้องน้ำ ใช้น้ำแล้วเหลือไว้นิดหนึ่ง เมื่อพระวินัยธรเข้าไปเจอน้ำเหลือไว้ จึงได้ตำหนิพระธรรมธร ตัวพระธรรมเองก็ได้ยอมรับผิดต่อพฤติกรรมนั้นแต่พระวินัยกลับนำเรื่องเพียงเล็กน้อยนี้เป็นพูดกับอันเตวาสิกของตนว่าพระธรรมธรขนาดทำผิดแล้วยังไม่รู้สึกตัวอีก ต่อมาอันเดวาสิกของพระธรรมธรก็ได้พูดถากถางทำนองเดียวกันกับอันเดวาสิกของพระธรรมธรว่าอาจารย์ของพวกท่านทำผิดแล้วยังไม่รู้อีก น่าละอายนัก ฝ่ายลูกศิษย์ก็นำเรื่องนี้ไปปรึกษากับพระธรรมธร พระธรรมธรได้ฟังดังนั้น จึงพูดว่าทำไมพระวินัยธรจึงพูดอย่างนี้ เราทำผิดกฎก็ยอมรับผิดและแสดงอาบัติไปแล้วไฉนจึงพูดกลับกลอกเช่นนี้เล่าจึงพูดกับอันเตวาสิกว่า พระวินัยธรพูดเท็จและทั้งสองฝ่ายก็ได้เกิดการทะเลาะวิวาทกันเพราะเหตุเพียงเล็กน้อยเอง เมื่อไม่สามารถจะระงับกันได้ พระพุทธเจ้าได้แสดงเหตุของการแตกแยก และคุณของความสามัคคี แต่ก็หาเชื่อต่อพระพุทธเจ้าไม่ ซ้ำยังแสดงคำพูดที่ไม่เหมาะสมว่า ขอให้พระพุทธเจ้าอยู่เฉยอย่ามายุ่ง พระพุทธองค์เห็นว่าไม่สามารถจะระงับได้ จึงส่งพระโมคคัลลานะไปช่วยระงับ แต่ทั้งสองฝ่ายก็ไม่ยอมเชื่อฟัง ทำให้พระพุทธองค์เกิดความเบื่อหน่าย ระอาใจต่อเหตุการณ์นี้เป็นอย่างยิ่ง. ขอบคุณที่มา:จากhttp://satuk.tripod.com

พระประจำวันพุธ


ลักษณะพระพุทธรูป พระพุทธรูปปางนี้ อยู่ในพระอิริยาบถยืน ส้นพระบาททั้งสองชิดติดกัน พระหัตถ์ทั้งสองข้างชิดกัน พระหัตถ์ทั้งสองยกประคองคบาตรราวสะเอว มีบาตรอยู่ฝ่าพระหัตถ์ในท่าประคองประวัติและความสำคัญ ประวัติที่เป็นเรื่องราวนั้นสืบเนื่องต่อมาจากพระพุทธรูปปางแสดงอิทธิปาฎิหาริย์ กล่าวคือ เมื่อพระบรมศาสดาเสด็จไปยังพระนครกบิลพัสดุ์ ครั้งแรกทรงทำอิทธิปาฎิหาริย์เหาะขึ้นไปบนอากาศ ทรมานให้พระประยุรญาติได้ถวายบังคมแล้วเสด็จลงมาประทับนั่งบนพระบวรพุทธอาสน์ ยังฝันโบกขรพรรษ์ให้ตกลงในท่ามกลางสมาคมพระญาติ แล้วทรงประกาศมหาเวสสันดรชาดกยกขึ้นเป็นเทศนา ครั้นพระพุทธองค์ทรงแสดงพระธรรมเทศนาจบแล้ว บรรดาพระญาติทั้งหลายมีพระเจ้าสุทโธทนะพระพุทธบิดาเป็นประธาน ก็ได้เบิกบานปีติปาโมทย์ เปิดพระโอษฐ์แซ่ซ้องสาธุการแล้ว พระญาติทั้งหลายก็กราบทูลลาคืนยังพระราชสถานแห่งตน มิได้มีพระญาติสักองค์หนึ่ง ได้กราบทูลอาราธนาให้ทรงรับอาหารบิณฑบาตรในยามเช้าพรุ่งนี้ แม้แต่พระเจ้าสุทโธทนะ ก็เพียงแต่ทูลลามิได้ทูลอาราธนาเสวยพระกระยาหารเช้าเช่นกัน ด้วยทรงนึกไม่ถึงว่า ธรรมดาพระจะต้องอาราธนา จึงจะได้มารับบิณฑบาตรในบ้านซึ่งเป็นปกติของสามัญชนธรรมดาทั่วไป ขอบคุณที่มา: จาก http://satuk.tripod.com/

พระประจำวันอังคาร


ลักษณะพระพุทธรูป พระพุทธรูปปางนี้ อยู่ในพระอิริยาบถบรรทมตะแคงขวา เมื่อคราวจะปรินิพพาน หลับพระเนตร พระเศียรหนุนพระเขนย พระหัตถ์ซ้ายทอดทายไปตามพระวรกายเบื้องซ้าย พระหัตถ์ขวาหงายวางอยู่ที่พื้นข้างพระวรกาย พระบาทซ้ายทับพระบาทขวา ลักษณะตั้งซ้อนกันประวัติและความสำคัญ พระพุทธเจ้าครั้นโปรดสุภัททปริพาชกให้บรรพชาอุปสมบทและให้สำเร็จเป็นพระอริยเจ้าเป็นปัจฉิมสาวกแล้ว ต่อมาพระอานนท์จึงได้ทูลถามพระองค์ว่า พระฉันนะถือตัวว่าเป็นข้าเก่า ติดตามพระองค์คราวเสด็จออกบวช เป็นคนว่ายากสอนยาก แม้จะกรุณาเตือนแล้วก็ตาม เมื่อพระองค์ปรินิพพานแล้ว ยิ่งจะว่ายากขึ้นไปอีก หาผู้ยำเกรงมิได้ ข้าพระองค์จะพึงปฏิบัติต่อพระฉันนะนั้นอย่างไร พระพุทธเจ้าได้ตรัสสั่งให้สงฆ์ลงพรหมทัณฑ์แก่พระฉันนะ คือ ไม่พึงว่ากล่าว ไม่พึงโอวาท ไม่พึงสั่งสอน เมื่อถูกพรหมทัณฑ์แล้ว จะสำนึกผิดเอง ครั้นแล้วพระพุทธเจ้าได้ตรัสปัจฉิโมวาท เตือนว่า ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้เราขอเตือนเธอทั้งหลาย สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมไปเป็นธรรม เธอทั้งหลาย จงทำหน้าที่ของตนให้สมบูรณ์ ด้วยความไม่ประมาทเถิด ครั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานแล้ว ในลำดับแห่งการพิจารณาองค์แห่งจตุถฌาน ก็บังเกิดมหัศจรรย์แผ่นดินใหญ่ไหวสะเทือนสะท้าน เกิดการโลมชาติชูชันขันพองสยองเกล้า กลองทิพย์ก็บันลือลั่นในอากาศ พร้อมกับการปรินิพพาน ขอบคุณที่มา:จาก http://satuk.tripod.com/buddha/buddha3.htm

พระประจำวันจันทร์


ลักษณะพระพุทธรูป พระพุทธรูปปางนี้นอยู่ในพระอริยาบถยืน พระหัตถ์ทั้งสองข้างยกขึ้นเสมอพระอุระ ตั้งฝ่าพระหัตถ์ยื่นออกไปข้างหน้าเป็นกิริยาทรงห้าม เป็นแบบทรงเครื่องก็มีประวัติและความสำคัญ ณ พระนครกบิลพัสดุ์ อันเป็นแว่นแคว้นที่ประทับของเจ้าศากยะ ซึ่งเป็นพระญาติข้างฝ่ายพระพุทธบิดา กับพระนครเทวทหะอันเป็นแว่นแคว้นที่ประทับอยู่ของเจ้าโกลิยะ ซึ่งเป็นพระญาติข้างฝ่ายพระพุทธมารดา ทั้งสองพระนครนี้ตั้งอยู่ใกล้แม่น้ำโรหิณีชาวนาของ ๒ พระนครนี้ อาศัยน้ำในแม่น้ำโรหิณีนี้ทำนาร่วมกันมาโดยปกติสุข ต่อมาสมัยหนึ่งฝนแล้ง น้ำน้อย น้ำในแม่น้ำโรหิณีเหลือน้อย ชาวนาทั้งหมดต้องกั้นทำนบทดน้ำในแม่น้ำโรหิณีขึ้นมาทำนา แม้ดังนั้นแล้ว น้ำก็ยังไม่พอ เป็นเหตุให้มีการแย่งน้ำกันทำนาขึ้น ขั้นแรกก็เป็นการวิวาทกันเฉพาะเพียงบุคคลต่อบุคคลแต่เมื่อไม่มีการระงับด้วยสันติวิธี การวิวาทนั้นก็ลุกลามมากขึ้นจนถึงคุมสมัครพรรคพวกเข้าไปประหารกัน และด่าว่ากระทบถึงชาติ โคตร และลามปามไปถึงราชวงศ์ในที่สุด กษัตริย์ผู้เป็นพระญาติของพระพุทธเจ้าทั้งสองเมือง ก็ยกกำลังพลเข้าประชิดกัน เพื่อแย่งน้ำ โดยหลงเชื่อคำยุยุงพูดเท็จของอำมาตย์ที่กำลังเคียดแค้น มิทันได้ทรงวินิจฉัยให้ถ่องแท้แน่นอนว่า เมื่อเรื่องเล็กน้อยเช่นนั้นเกิดขึ้น ควรจะระงับด้วยสันติวิธี พระพุทธเจ้าทรงทราบก็ทรงพระมหากรุณาเสด็จมาห้ามสงครามการแย่งน้ำระหว่างพระญาติทั้งสองฝ่าย โดยทรงแสดงโทษคือความพินาศย่อยยับของชีวิตมนุษย์โดยเหตุอันไม่สมควรที่พระราชาจะต้องมาล้มตายทำลายเกียรติของตน เพียงเพราะแย่งน้ำกันทำนาเพียงเล็กน้อย ครั้นแล้วพระญาติทั้งสองฝ่ายก็ทำความเข้าใจกันได้และหันมาสามัคคีกัน.

ขอบคุณที่มา:จาก
http://satuk.tripod.com/buddha/buddha2.htm

พระประจำวันอาทิตย์


ลักษณะพระพุทธรูป พระพุทธรูปปางนี้อยู่ในพระอริยาบถยืน ลืมพระเนตรทั้งสองข้างเพ่งไปข้างหน้าทอดพระเนตรดูต้นศรีโพธิ์พฤกษ์ พระหัตถ์ทั้งสองลงมาประสานกันอยู่ข้างหน้าระหว่างระหว่างพระเพลา พระหัตถ์ขาวทับพระหัตถ์ซ้าย อยู่ในอาการสังวรประวัติและความสำคัญ ครั้นพระบรมโพธิสัตว์เจ้า ได้ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ เป็นพระอรหันต-สัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว พระองค์ก็เสด็จประทับเสวยวิมุตติสุขอยู่ที่ต้นศรีมหาโพธิ์ ๗ วันแล้วก็เสด็จจากร่มพระศรีมหาโพธิ์ไปประทับยืนกลางแจ้ง ทางทิศอีสานของต้นศรีมหาโพธิ์นั้นทรงทอดพระเนตรต้นศรีมหาโพธิ์โดยไม่กะพริบพระเนตร ด้วยพระอิริยาบถนั้น ๗ วัน สถานที่เสด็จประทับยืนทอดพระเนตรต้นศรีมหาโพธิ์นั้นเป็นนิมิตรมหามงคล ปรากฎชื่อว่า อนิมิสสเจดีย์ พระพุทธจริยาที่ทรงเพิ่งจ้องพระเนตรดูต้นศรีมหาโพธิ์ โดยมิได้ทรงกะพริบพระเนตรถึง ๗ วันนี้ เป็นเหตุแห่งการสร้างพระพุทธรูปปางนี้ เรียกว่า ปางถวายเนตร นิยมสร้างเป็นพระพุทธรูปเพื่อสักการะบูชาประจำของคนเกิดวันอาทิตย์ อนึ่ง ต้นไม้อสัตถโพธิ์พฤกษ์อันเป็นสถานที่กำเนิดพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าและสัจธรรมอันบริสุทธิ์ สำหรับชำระกิเลสและปลดเปลี้องความทุกข์แก่ชาวโลก จึงได้มีนามตามการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าว่า ต้นพระศรีมหาโพธิ์พฤกษ์ . ขอบคุณที่มา: จาก http://satuk.tripod.com/

วันอังคารที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

โหระพา

ส่วนที่ใช้ ใบ ผล และราก
ส่วนประกอบ คาร์โบไฮเดรต เส้นใยอาหาร แคลเซี่ยม ฟอสฟอรัส เหล็ก วิตามิน เอ / บี1 / บี2 / ซี น้ำมันหอมระเหยต่างๆเช่น โอซิมีน ( Ocimine) ไพนีน (pinene) ยูคาลิปตอล (eucalyptol) เมล็ดมีเมือกหุ้มคล้ายเมล็ดแมงลัก
สรรพคุณและวิธีใช้ ใช้เป็นยาขับลม ช่วยย่อยอาหาร รักษาโรคหวัด ปวดศีรษะ ท้องอืด ท้องเฟ้อ ท้องร่วง แก้อาการคลื่นไส้อาเจียน- ผลแก่ ใช้กินเป็นยาระบาย- ทั้งต้น มีสารต้านมะเร็ง แก้สิว แก้ไข้ แก้หวัด แก้ไอ แก้พิษฝี ช่วยย่อยและเจริญอาหาร ช่วยกระตุ้น การสร้างภูมิคุ้มกัน- นำใบแห้งมาต้มประใาร 2-3 ช้อนชา กับน้ำเดือด 1 ถ้วย ดื่มวันละ 3 ถ้วยจะช่วยสร้างภูมิต้านทานต่อโรค ภัยไข้เจ็บได้
* เด็กที่ปวดท้อง ใช้ใบโหระพาประมาณ 20 ใบชงกับน้ำ ร้อน ทิ้งไว้สักครู่นำมาให้เด็กดื่ม ปลอดภัยกว่าการใช้ยา ขับลมที่มีส่วนผสมของอัลกอฮอล์
* น้ำมันโหระพาสกัด ยังมีคุณสมบัติฆ่าและไล่แมลงวัน และยุงได้ จาก www.google.co.th